วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

technology

1.เทคโนโลยี4.0
12 เทคโนโลยีที่จะเป็นอนาคตยุค 4.0

เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก ประเทศไทยเตรียมรับมือ


เด็กที่เข้า ม.1 ปีนี้ อีก 17 ปีข้างหน้า อายุจะเพิ่ง30 ปีเท่านั้น ความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีครั้งยิ่งใหญ่กำลังก้าวเข้ามา ประเทศไทยจะเป็น cow,star,dog หรือหมาขี้เรื้อนในเวทีโลก ขึ้นอยู่กับการวางนโยบายประเทศที่สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เปลี่ยนทุกเดือน


เทคโนโลยี 12 ชนิดกำลังพัฒนาและถูกประยุกต์ใช้ด้วยอัตราเร่ง เทคโนโลยีเหล่านี้จะเปลี่ยนต้นทุนการผลิต จะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แยกรวย จน จะกำหนดทิศทางการศึกษาทั้งมัธยม และอาชีวะ  ทำให้อเมริกากลับมาเป็นประเทศที่เศรษฐกิจดี แก้ปัญหาหนี้ได้ ถ้าไทยไม่ทำอะไรวันนี้ ประเทศจะจนมาก ล้มเหมือนโนเกีย แบล็กเบอร์รี่ใน3-4 ปี เหมือนร้านขายผ้าไหม ผ้าขาวม้าหลายแห่งที่ไม่พัฒนา ล้มไปแล้ว


1. mobile internet (อินเทอร์เน็ตไร้สาย)
 
2. automation of knowledge (เทคโนโลยีอัตโนมัติด้านการวิเคราะห์)
 
3. internet of things 

4. cloud technology 

5. advanced robotics   (เทคโนโลยีหุ่นยนต์)

6. autonomous vehicles  (ยานพาหนะไร้คนขับหรือกึ่งไร้คนขับ)

7. genomics  (เทคโนโลยีชีวภาพ Genomics)

8. new energy storage (อุปกรณ์หรือระบบกักเก็บพลังงาน)

9. 3d printing (เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ)

10. advanced materials  (เทคโนโลยีวัสดุชาญฉลาด)
 
11. advanced oil and gas recovery (เทคโนโลยีสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน)
 
12. renewable energy (เทคโนโลยีพลังงานทดแทน)


2)เทนโนโลยี ล้าสมัย


อันดับที่1. ความเหลื่อมล้ำทางวัฒนธรรม ภาษา และการศึกษา
สมาร์ทโฟนทำให้คนรุ่นใหม่ในปี ค.ศ. 2020 สามารถเข้าถึงข้อ้อมูลข่าวสารได้จากทั่วโลกอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นการศึกษาที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาครูผู้สอน เยาวชนในยุคนั้นจะใช้ภาษาของประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นหลัก เช่น ภาษาอังกฤษและภาษาจีน และจะซึมซับวัตนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ทำให้ความเหลื่อมล้ำต่างๆ หายไป แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียปนอยู่ นั่นคือ ในปี 2030 ภาษาจำนวน 3 พัน ภาษาจากที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน 6 พันภาษาจะหายสาบสูญไป รวมถึงคนรุ่นต่อๆ ไปอาจจะไม่มีความเข้าใจและความอดในความแตกต่างด้านวัฒนธรรม



อันดับที่ 2. ระบบการศึกษาในปัจจุบัน
เทคโนโลยีจะลบล้างระบบการศึกษาที่แบ่งกลุ่มนักเรียนตามอายุการเลื่อนระดับชั้นเรียนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล นักเรียนจะมีโอกาสในการค้นพบและเลือกสาขาความเชี่ยวชาญได้เร็วขึ้น (เช่นเดียวกับนักกรีฑาในปัจจุบัน ที่นักกรีฑาสามารถเลือกสาขากีฬาที่ตนชอบได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก) แม้ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะฟังดูดี แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ บริษัทผู้นำด้านโทรคมนาคมบางแห่งอาจจะกลายเป็นผู้ควบคุมการศึกษาของคนในอนาคต เพราะพวกเขามีเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดอยู่ในมือ



อันดับที่ 3 รูปแบบของสหภาพยุโรป
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าในประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปจะแตกต่างไป โดยข้อจำกัดต่างๆ จะถูกทำลายลงและจะมีการปกครองแบบรัฐบาลเดียว สหภาพยุโรปจะกลายเป็นสหรัฐยุโรป (United Europe)และพูดภาษาเดียวกัน

อันดับที่ 4 งาน
ในปี ค.ศ. 2030 งานกว่า 2 พันล้านตำแหน่งจะหายสาบสูญไป เทคโนโลยีที่เป็นปัจจัยสำคัญคือ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต เทคโนโลยีหุ่นยนต์ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เทคโนโลยีการจัดแต่งพันธุกรรม และอื่นๆ อย่างไรก็ตามแม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะทำลายงานแบบดั้งเดิม ขณะเดียวกันก็สร้างงานรูปแบบใหม่ๆ ที่เราอาจจะคิดไม่ถึงขึ้นเช่นกัน

อันดับที่ 5 ร้านค้า
ห้างร้านต่างๆ ในปี 2030 จะไม่ใช่ห้างร้านในรูปแบบที่เรารู้จักอีกต่อไป ผู้บริโภคจะใช้อินเตอร์เน็ตในการศึกษาคุณสมบัติ ความสามารถ และราคาของสินค้า จากนั้นก็แวะไปที่ห้างร้านเพื่อทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งจะมีเพียงหุ่นยนต์คอยให้บริการ และตอบคำถามพื้นฐานของผู้ที่สนใจ จากนั้นผู้บริโภคก็จะสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน ก็จะพบกับสินค้าที่เพิ่งสั่งไว้ตั้งรออยู่ที่หน้าประตู



อันดับที่ 6 หมอ
ในปี 2030 เทคโนโลยีจะทำให้การตรวจวินิจฉัยโรคบางอย่างสามารถทำได้เองที่บ้านของคุณ สมาร์ทโฟนและเทคโนโลยี Cloud computing จะสามารถตรวจระดับน้ำตาลระดับออกซิเจน ระดับการเต้นของหัวใจ และอื่นๆ ได้ หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่แพทย์ผ่าตัด แพทย์จะมีจำนวนน้อยลงและจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความสามารถสูงเท่านั้น พวกเขาจะสามารถปฏิบัติงานได้จากทุกแห่งทั่วโลกผ่านระบบควบคุมทางไกล จะมีเพียงบุคคลสำคัญๆ หรือผู้ที่มีความสามารถทางการเงินสูงที่ได้รับสิทธิพิเศษในการรับการรักษาจากแพทย์จริงๆ



อันดับที่ 7 กระดาษ
นอกจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และเอกสารต่างๆ ที่พิมพ์ลงบนกระดาษจะหายไปแล้ว ธนบัตรก็จะหายไปด้วย ทุกอย่างจะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล โรงพิมพ์จำนวนมากต้องปิดกิจการหนังสือที่เป็นรูปเล่มพิมพ์บนกระดาษแม้จะไม่หายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง แต่ที่จะพบได้จะเป็นหนังสือที่พิมพ์โดย Self-Publishing หรือการจัดพิมพ์ด้วยตนเอง

อันดับที่ 8 ประสบการณ์แบบดั้งเดิมของมนุษย์
ในอนาคตจะไม่มีคำว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” เพราะข้อมูลของเราทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวันเดือนปีเกิด ประวัติการศึกษาหมายเลขบัตรเครดิต ประวัติการรักษาพยาบาล จะถูกบันทึกและบุคคลอื่นๆ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ต่อไป เราจะขาด “การไตร่ตรอง” เพราะสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีการสื่อสารอื่นๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนั้น เทคโนโลยีในอนาคตจะสามารถตรวจรับการรับรู้ต่างๆ ของร่างกายเราได้ เช่น จังหวะการเต้นของหัวใจระหว่างการออกกำลังกาย และคอยให้คำแนะนำว่าเราควรจะหยุดหรือเร่งการออกกำลังกายเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้เราไม่มีโอกาสที่จะครุ่นคิดและสื่อสารกับร่างกายของเรา “การรอคอย” จะกลายเป็นสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย เพราะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการฝาก-ถอนเงิน สั่งอาหารจองบัตรโดยสารต่างๆ สามารถทำได้ทันทีผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยียังสามารถบอกเราได้อีกว่า ขณะนี้ที่สนามบินมีผู้โดยสารมากน้อยแค่ไหนและเราควรมาถึงสนามบินเวลาใดเพื่อหลีกเลี่ยงการรอคอย นอกจากนั้นเราก็จะไม่ “หลงทาง” เพราะเทคโนโลยีจะคอยบอกตำแหน่งของเราและแนะนำเส้นทางได้อยู่ตลอดเวลา

อันดับที่ 9 สมาร์ทโฟน
เทคโนโลยีทุกวันนี้มีอายุสั้น สมาร์ทโฟนเองก็จะกลายเป็นเทคโนโลยีล้าสมัยในอนาคตอันใกล้เช่นกัน เทคโนโลยีในยุคต่อไปจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสวมใส่ได้ เช่นที่เราได้เห็นกันเมื่อไม่นานที่ผ่านมา คือ Google glasses ยิ่งไปกว่านั้นเราเตรียมบอกลาคีย์บอร์ดหรือเม้าส์ไปได้เลย นักอนาคตได้คาดการณ์ไว้ถึงเทคโนโลยีที่จะเป็นที่นิยมในอนาคต คือ Intelligent Web (2017 – 2020), Intelligent Interface และ Virtual Reality (2019 – 2023), Thought power และ AI หรือ Artificial Intelligence (2024 – 2031)

อันดับที่10 ความไม่ปลอดภัย
ต่อไปเราจะไม่มีอุบัติเหตุบนถนน เพราะยานพาหนะจะสามารถสื่อสารกันได้และหลีกเลี่ยงการปะทะกันได้การโจรกรรมจะสิ้นสุดลง เพราะของมีค่าทุกอย่างจะถูกติดตั้งเครื่องมือติดตามตัว ซึ่งจะมีขนาดเท่ากับอนุภาคเล็กๆที่สามารถใส่ไว้กับวัสดุใดก็ได้



ฝุ่นPM2.5



                          PM2.5 คืออะไร?


คำว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตรนั่นเอง
ฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้า PM2.5 ยังเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด และหลอดเลือดได้ง่าย ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว


ฝุ่นละอองมาจากไหน?

สาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองมีหลายปัจจัย เช่น โรงผลิตไฟฟ้า ควันท่อไอเสียจากรถยนต์ การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่ด้วย ซึ่งปกติแล้วกิจกรรมต่างๆ ที่คนเราทำทุกวันก็ส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่แหล่งต้นตอสำคัญของ PM2.5 ในบรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ และฝุ่นจากการก่อสร้าง
ตัวเมืองที่มีตึกสูงรายล้อมเหมือน “ กรุงเทพ ” จะมีลักษณะคล้ายๆ แอ่งกระทะ เกิดการสะสมของเจ้าฝุ่นร้ายได้ง่าย ซึ่งปกติฝุ่นเหล่านี้จะลอยขึ้นไปในอากาศ ถูกลมพัดฟุ้งกระจายไป แต่ถ้าวันไหนที่อากาศนิ่ง ไม่ค่อยมีลมพัด ฝุ่นละอองจะไม่ฟุ้งกระจาย ส่งผลให้ระดับความเข้มของฝุ่นในพื้นที่นั้นๆ สูงมากขึ้นจนกลายเป็นระดับที่อันตรายต่อสุขภาพ และเจ้าฝุ่นjavascript:void(null);ร้ายมักวนเวียนอยู่มากในช่วงกลางคืน แต่จะค่อยๆ จางหายไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างในยามเช้า

มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร?

ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเจ้าฝุ่นร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีกลิ่น ขนาดเล็กจิ๋วมาก สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราลึกได้ถึงถุงลมปอด บางส่วนสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้
ความน่ากลัวของเจ้าฝุ่นร้ายนี้ คือ กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ รบกวนสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกายของเรามาก แล้วส่งผลกระทบต่างๆ ตามมา

ข้อแนะนำและวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นพิษ PM 2.5


  1. 1.  ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
  2. 2.  หลีกเลี่ยงการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เผาพื้นที่เพื่อเตรียมการทำเกษตรกรรม เผาขยะ หรือวัสดุเหลือใช้
  3. 3.  ควบคุมกระบวนการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด
  4. 4.  ออกกำลังกายในที่ร่ม ฝุ่นน้อยๆ และไม่ควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกกำลังกาย
  5. 5.  รับประทานอาหารเสริม อาหารที่มีวิตามินซี และวิตามินอีสูง เช่น ถั่ว ปลา(มีโอเมก้า 3 มาก)
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฝุ่น pm2.5 คืออะไร

แหล่งอ้างอิง: https://www.honestdocs.co/pm-2-5-environmental-nano-pollutants





ประวัติโปรแกรมpython




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประวัติโปรแกรมpython



ประวัติpython

    ไพธอนสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1990 โดย Guido van Rossum ที่ CWI (National Research Institute for Mathematics and Computer Science) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยได้นำความสำเร็จของภาษาโปรแกรมมิ่งที่ชื่อ ABC มาปรับใช้กับ Modula-3, Icon, C, Perl, Lisp, Smalltalk และ Tcl โดย Duido van Rossim ถือว่าเป็นผู้ริเริ่มและคิดค้น แต่เค้าก็ยังคิดว่าผลงานอย่างไพธอนนั้น เป็นผลงานความรู้ที่ทำขึ้นเพื่อความสนุกสนานโดยได้อ้างอิงงานชิ้นนี้ของเขา ว่าเป็น Benevolent Dictator for Life (BDFL) ซึ่งผลงานที่ถูกเรียกว่าเกิดจากความสนุกสนานเหล่านี้นั้นมักถูกเรียกว่า BDFL เพราะมักเกิดจากความไม่ตั้งใจ และความอยากที่จะทำอะไรที่เป็นอิสระนั้นเอง ซึ่งคนที่ถูกกล่าวถึงว่าทำในลักษณะแบบนี้ก็ได้แก่ Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux kernel, Larry Wall ผู้สร้าง Perl programming language และคนอื่น ๆ อีกมากมาย






http://bbee.exteen.com
http://www.learners.in.th

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Internation food

1 Tom Yum Goong (Spicy Shrimp Soup)


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้มยำกุ้ง

 The quintessential Thai aroma! A bold, refreshing blend of fragrant lemongrass, chilli, galangal, lime leaves, shallots, lime juice and fish sauce shapes this classic soup, giving it its legendary herbal kick. Succulent fresh prawns and straw mushrooms lend it body. A versatile dish that can fit within virtually any meal, the distinctive smell reminds you of exotic perfume, while it's invigorating sour-spicy-hot taste just screams 'Thailand'!

2 Som Tum (Spicy Green Papaya Salad) 


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ส้มตำ

Hailing from the Northeast state of Isaan, this outlandish dish is both great divider - some can't get enough of its bite, some can't handle it - and greatly distinctive. Garlic, chilies, green beans, cherry tomatoes and shredded raw papaya get dramatically pulverized in a pestle and mortar, so releasing a rounded sweet-sour-spicy flavour that's not easily forgotten. Regional variations throw peanuts, dry shrimp or salted crab into the mix, the latter having a gut-cleansing talent that catches many newcomers by surprise!

3 Tom Kha Kai (Chicken in Coconut Soup)


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้มข่าไก่

 A mild, tamer twist on Tom Yum, this iconic soup infuses fiery chilies, thinly sliced young galangal, crushed shallots, stalks of lemongrass and tender strips of chicken. However unlike its more watery cousin, lashings of coconut milk soften its spicy blow. Topped off with fresh lime leaves, it's a sweet-smelling concoction, both creamy and compelling.

4 Pad Thai (Thai style Fried Noodles)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผัดไทย

 From Cape Town to Khao San Road, the default international Thai dish! Dropped in a searing hot wok, fistfuls of small, thin or wide noodles (you choose) do a steamy minute-long dance alongside crunchy beansprouts, onion and egg, before disembarking for the nearest plate. A truly interactive eating experience, half its fun (and flavour) lies in then using a quartet of accompanying condiments - fish sauce, sugar, chilli powder and finely ground peanuts - to wake it from its slumbers.
แหล่งที่มา:Top 10 Thai Food - Most Popular Thai Foods